http://education.kapook.com/view16800.html
http://www.kknic.ac.th
วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
การเขียนรายงาน
บทที่ 1 บทนำ
การเขียนบทนำรายงานนั้นในส่วนของย่อหน้าแรกเราควรเขียนเพื่อเกริ่นเนื้อเรื่องไปก่อนโดยยังไม่เข้าเนื้อเรื่อง แต่ควรพยายามพูดชักจูงให้ผู้อ่านสนใจ หรือพูดที่มาที่ไป ก่อน เพื่อให้ผู้อ่านอยากติดตามต่อส่วนต่อมาควรกล่าวเริ่มเข้าเนื้อเรื่องของเราว่าเราจะทำรายงานเกี่ยวกับอะไร และมีเรื่องอะไรบ้าง หรือพูดถึงเฉพาะเรื่องสำคัญๆ ก็ได้ และตอนสุดท้ายก็ปิดท้ายว่าทำเพื่ออะไรเพื่อประโยชน์กับใคร ที่จะได้มาอ่านบทความนี้และก็อาจกล่าวขอบคุณอาจารย์ผู้สอนหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับรายงาน และปิดท้ายด้วยการขอรับข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้รายงานดีขึ้น
บทที่ 2 รายละเอียดของโครงงาน
เป็นการเขียนข้อสรุปที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าเอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการทำโครงงาน โดยการสรุปเป็นองค์ความรู้ของตนเอง หรือคัดลอกข้อความจากหนังสือ โดยถ้าเป็นการสรุปองค์ความรู้เป็นของตนเอง ต้องอ้างอิงเอกสารที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าในเอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรมท้ายเล่มรายงาน แต่ถ้าเป็นการคัดลอกข้อความนั้นมา โดยไม่เปลี่ยนแปลงเนื้อหา ให้อ้างอิงในการเขียนด้วย ซึ่งการอ้างอิงที่เป็นที่นิยมคือ การอ้างอิงแบบนาม – ปี และควรระบุเลขหน้าไว้ด้วย จากนั้นต้องอ้างอิงในเอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรมท้ายเล่มรายงานด้วยเช่นกัน
การเขียนบทนำรายงานนั้นในส่วนของย่อหน้าแรกเราควรเขียนเพื่อเกริ่นเนื้อเรื่องไปก่อนโดยยังไม่เข้าเนื้อเรื่อง แต่ควรพยายามพูดชักจูงให้ผู้อ่านสนใจ หรือพูดที่มาที่ไป ก่อน เพื่อให้ผู้อ่านอยากติดตามต่อส่วนต่อมาควรกล่าวเริ่มเข้าเนื้อเรื่องของเราว่าเราจะทำรายงานเกี่ยวกับอะไร และมีเรื่องอะไรบ้าง หรือพูดถึงเฉพาะเรื่องสำคัญๆ ก็ได้ และตอนสุดท้ายก็ปิดท้ายว่าทำเพื่ออะไรเพื่อประโยชน์กับใคร ที่จะได้มาอ่านบทความนี้และก็อาจกล่าวขอบคุณอาจารย์ผู้สอนหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับรายงาน และปิดท้ายด้วยการขอรับข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้รายงานดีขึ้น
บทที่ 2 รายละเอียดของโครงงาน
เป็นการเขียนข้อสรุปที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าเอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการทำโครงงาน โดยการสรุปเป็นองค์ความรู้ของตนเอง หรือคัดลอกข้อความจากหนังสือ โดยถ้าเป็นการสรุปองค์ความรู้เป็นของตนเอง ต้องอ้างอิงเอกสารที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าในเอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรมท้ายเล่มรายงาน แต่ถ้าเป็นการคัดลอกข้อความนั้นมา โดยไม่เปลี่ยนแปลงเนื้อหา ให้อ้างอิงในการเขียนด้วย ซึ่งการอ้างอิงที่เป็นที่นิยมคือ การอ้างอิงแบบนาม – ปี และควรระบุเลขหน้าไว้ด้วย จากนั้นต้องอ้างอิงในเอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรมท้ายเล่มรายงานด้วยเช่นกัน
บทที่ 3 หลักการและทฤษฎี
เป็นการเขียนข้อสรุปที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าเอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการทำโครงงาน โดยการสรุปเป็นองค์ความรู้ของตนเอง หรือคัดลอกข้อความจากหนังสือ โดยถ้าเป็นการสรุปองค์ความรู้เป็นของตนเอง ต้องอ้างอิงเอกสารที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าในเอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรมท้ายเล่มรายงาน แต่ถ้าเป็นการคัดลอกข้อความนั้นมา โดยไม่เปลี่ยนแปลงเนื้อหา ให้อ้างอิงในการเขียนด้วย ซึ่งการอ้างอิงที่เป็นที่นิยมคือ การอ้างอิงแบบนาม – ปี และควรระบุเลขหน้าไว้ด้วย จากนั้นต้องอ้างอิงในเอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรมท้ายเล่มรายงานด้วยเช่นกัน
บทที่ 4 วิธีการดำเนินการ
อธิบายขั้นตอนการดำเนินการหรือขั้นตอนการทดลองโดยละเอียด
บทที่ 5 ผลที่ได้รับจากโครงงาน
ผลที่ได้จากการศึกษา เขียนตามวัตถุประสงค์ ควรจะเสนอในรูปแบบตาราง กราฟ แผนภูมิ หรืออื่นๆให้ดูง่าย
บทที่ 6 บทสรุปและข้อเสนอแนะ
สรุปผลการศึกษา ให้เขียนผลการศึกษาอย่างสั้นๆ ให้ได้ใจความตรงตามจุดประสงค์ของการศึกษา ถ้ามีการตั้งสมมุติฐาน ควรระบุด้วยว่าข้อมูลที่ได้มา สนับสนุนหรือคัดค้านสมมุติฐานที่ตั้งไว้หรือยังสรุปไม่ได้ข้อเสนอแนะ ควรเขียนในลักษณะเสนอแนะวิธีการปรับปรุงการทดลองให้ดีขึ้น
บทที่ 7 ประโยชน์และแนวคิดในการพัฒนาโครงงาน
ให้บอกประโยชน์ที่ได้จากการทดลอง หรือจากการศึกษาเรื่องนั้นๆว่ามีประโยชน์อะไร ด้านไหน ให้เขียนเป็นข้อๆไป
บทที่ 8 บรรณานุกรมและภาคผนวก
บรรณานุกรมหรือหนังสืออ้างอิงหรือเอกสาร และเว็บไซต์ต่างๆ ที่นักเรียนใช้ค้นคว้า ศึกษาหาข้อมูล ที่นำมาใช้ประโยชน์ในการทำโครงงานนี้ รูปแบบการเขียนเอกสารอ้างอิงที่ใช้ในการทำโครงงานมีการเขียนได้หลายรูปแบบ ( ศึกษาได้จากรูปแบบการเขียนอ้างอิงและบรรณานุกรมท้ายตอนนี้) ภาคผนวก คือ ส่วนประกอบที่เขียนเพิ่มเติมในตอนท้าย เพื่อช่วยให้เห็นความสมบูรณ์ ในข้อมูลเนื้อหา กระบวนการดำเนินงานและผลของการวิจัย อาจประกอบด้วย แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติที่เกี่ยวข้องอื่น นอกเหนือจากส่วนที่จัดไว้ในเนื้อหา สำเนาเอกสารหายาก โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ นอกจากนี้อาจมีรายละเอียดอื่น ๆ เช่น คำอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอน หรือวิธีทำภาพประกอบ การสร้างเครื่องมือหรืออุปกรณ์การทดลอง ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นหรือสร้างขึ้นในโครงงานนั้น ๆ สำหรับกรณีมีภาคผนวกหลายภาค ให้จัดเป็นภาคผนวก ก ภาคผนวก ข และภาคผนวก ค ตามลำดับ และให้ขึ้นหน้าใหม่เมื่อขึ้นภาคผนวกใหม่ และพิมพ์หน้าบอกตอนสำหรับภาคผนวกนั้น ๆ ด้วย
บทที่ 9 คู่มือการใช้งาน
ได้แก่ รายละเอียดในการทำภาระงาน ชิ้นงาน หรือกิจกรรมอิสระที่ได้จากการทำโครงงานไปใช้ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ทรัพยากรหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงงาน และข้อเสนอแนะในการใช้โครงงานนั้น
วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
ตัวอย่างข้อสอบ O-Net
เว็บไซต์:
1.ข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ ม.6 ปีการศึกษา 2551
2.ข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษ ม.6 ปีการศึกษา 2551
ไฟล์เฉลยปีการศึกษา2551:http://forum.02dual.com/examfile/178topic/ONET52.doc
ตัวอย่างวิชาคณิตศาสตร์:
1. พิจารณาขอความตอไปนี้
(ก) มีจํานวนตรรกยะที่นอยที่สุดที่มากกวา 0
(ข) มีจํานวนอตรรกยะที่นอยที่สุดที่มากกวา 0
ขอสรุปใดตอไปนี้ถูกตอง
1. (ก) ถูก (ข) ถูก
2. (ก) ถูก (ข) ผิด
3. (ก) ผิด (ข) ถูก
4. (ก) ผิด (ข) ผิด
ตอบ 4. (ก) ผิด (ข) ผิด
2. ให A เปนเซตจํากัด และ B เปนเซตอนันต
ขอความใดตอไปนี้เปนเท็จ
1. มีเซตจํากัดที่เปนสับเซตของ A
2. มีเซตจํากัดที่เปนสับเซตของ B
3. มีเซตอนันตท ี่เปนสับเซตของ A
4. มีเซตอนันตที่เปนสบเซตของ ั B
ตอบ 3. มีเซตอนันตท ี่เปนสับเซตของ A
3. พิจารณาผลตางระหวางพจนของลําดับ 2,5,10,17,26,.... โดยการใหเหตุผล
แบบอุปนัย พจนที่ 10 ของลําดับคือขอใดตอไปนี้
1. 145
2. 121
3. 101
4. 84
ตอบ 3. 101
4. กําหนดให A ={1,2} และ B ={a ,b) คูอันดับในขอใดตอไปนี้
เปนสมาชิกของผลคูณคารท ีเชียน A× B
1. (2,b)
2. (b,a)
3. (a ,1)
4. (1,2)
ตอบ 1. (2,b)
5. ในการสํารวจความชอบในการดื่มชาเขียวและกาแฟของกลุมตวอย ั าง 32 คน
พบวา ผูชอบดื่มชาเขียวมี 18 คน ผูชอบดื่มกาแฟมี 16 คน ผูไมชอบดื่มชาเขียว
และไมชอบดื่มกาแฟมี 8 คน จํานวนคนที่ชอบดมชาเข ื่ ียวอยางเด ียวเทากบขั อใด
ตอไปนี้
1. 6 คน
2. 8 คน
3. 10 คน
4. 12 คน
ตอบ 2. 8 คน
1.ข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ ม.6 ปีการศึกษา 2551
2.ข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษ ม.6 ปีการศึกษา 2551
ไฟล์เฉลยปีการศึกษา2551:http://forum.02dual.com/examfile/178topic/ONET52.doc
ตัวอย่างวิชาคณิตศาสตร์:
1. พิจารณาขอความตอไปนี้
(ก) มีจํานวนตรรกยะที่นอยที่สุดที่มากกวา 0
(ข) มีจํานวนอตรรกยะที่นอยที่สุดที่มากกวา 0
ขอสรุปใดตอไปนี้ถูกตอง
1. (ก) ถูก (ข) ถูก
2. (ก) ถูก (ข) ผิด
3. (ก) ผิด (ข) ถูก
4. (ก) ผิด (ข) ผิด
ตอบ 4. (ก) ผิด (ข) ผิด
2. ให A เปนเซตจํากัด และ B เปนเซตอนันต
ขอความใดตอไปนี้เปนเท็จ
1. มีเซตจํากัดที่เปนสับเซตของ A
2. มีเซตจํากัดที่เปนสับเซตของ B
3. มีเซตอนันตท ี่เปนสับเซตของ A
4. มีเซตอนันตที่เปนสบเซตของ ั B
ตอบ 3. มีเซตอนันตท ี่เปนสับเซตของ A
แบบอุปนัย พจนที่ 10 ของลําดับคือขอใดตอไปนี้
1. 145
2. 121
3. 101
4. 84
ตอบ 3. 101
4. กําหนดให A ={1,2} และ B ={a ,b) คูอันดับในขอใดตอไปนี้
เปนสมาชิกของผลคูณคารท ีเชียน A× B
1. (2,b)
2. (b,a)
3. (a ,1)
4. (1,2)
ตอบ 1. (2,b)
5. ในการสํารวจความชอบในการดื่มชาเขียวและกาแฟของกลุมตวอย ั าง 32 คน
พบวา ผูชอบดื่มชาเขียวมี 18 คน ผูชอบดื่มกาแฟมี 16 คน ผูไมชอบดื่มชาเขียว
และไมชอบดื่มกาแฟมี 8 คน จํานวนคนที่ชอบดมชาเข ื่ ียวอยางเด ียวเทากบขั อใด
ตอไปนี้
1. 6 คน
2. 8 คน
3. 10 คน
4. 12 คน
ตอบ 2. 8 คน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)