วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

อาชีพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

1. นักเขียนโปรแกรมหรือโปรแกรมเมอร์ (Programmer)
ทำหน้าที่ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น โปรแกรมเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าโปรแกรมที่ใช้กับงานด้านบัญชี หรือโปรแกรมที่ใช้กับระบบงานขนาดใหญ่ขององค์กร


2.เจ้าหน้าที่เทคนิค (Technician)
ทำหน้าที่ซ่อมบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ ติดตั้งโปรแกรม หรือติดตั้งฮาร์ดแวร์ต่างๆ และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดจากการใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในองค์กร


เหตุผลที่สนใจในอาชีพเหล่านี้เพราะเป็นกลุ่มอาชีพที่มีหน้าที่ในการออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การซ่อมบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ และการติดตั้งโปรแกรมหรือฮาร์ดแวร์ต่างๆ ซึ่งหน้าที่เหล่านี้เป็นหน้าที่ที่สำคัญสำหรับกลุ่มอาชีพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ตัวอย่างรูปเล่มรายงานโครงงาน

http://education.kapook.com/view16800.html
http://www.kknic.ac.th

การเขียนรายงาน

บทที่ 1 บทนำ
การเขียนบทนำรายงานนั้นในส่วนของย่อหน้าแรกเราควรเขียนเพื่อเกริ่นเนื้อเรื่องไปก่อนโดยยังไม่เข้าเนื้อเรื่อง แต่ควรพยายามพูดชักจูงให้ผู้อ่านสนใจ หรือพูดที่มาที่ไป ก่อน เพื่อให้ผู้อ่านอยากติดตามต่อส่วนต่อมาควรกล่าวเริ่มเข้าเนื้อเรื่องของเราว่าเราจะทำรายงานเกี่ยวกับอะไร และมีเรื่องอะไรบ้าง หรือพูดถึงเฉพาะเรื่องสำคัญๆ ก็ได้ และตอนสุดท้ายก็ปิดท้ายว่าทำเพื่ออะไรเพื่อประโยชน์กับใคร ที่จะได้มาอ่านบทความนี้และก็อาจกล่าวขอบคุณอาจารย์ผู้สอนหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับรายงาน และปิดท้ายด้วยการขอรับข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้รายงานดีขึ้น
บทที่ 2 รายละเอียดของโครงงาน
เป็นการเขียนข้อสรุปที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าเอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการทำโครงงาน โดยการสรุปเป็นองค์ความรู้ของตนเอง หรือคัดลอกข้อความจากหนังสือ โดยถ้าเป็นการสรุปองค์ความรู้เป็นของตนเอง ต้องอ้างอิงเอกสารที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าในเอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรมท้ายเล่มรายงาน แต่ถ้าเป็นการคัดลอกข้อความนั้นมา โดยไม่เปลี่ยนแปลงเนื้อหา ให้อ้างอิงในการเขียนด้วย ซึ่งการอ้างอิงที่เป็นที่นิยมคือ การอ้างอิงแบบนาม – ปี และควรระบุเลขหน้าไว้ด้วย จากนั้นต้องอ้างอิงในเอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรมท้ายเล่มรายงานด้วยเช่นกัน
บทที่ 3 หลักการและทฤษฎี
 เป็นการเขียนข้อสรุปที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าเอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการทำโครงงาน  โดยการสรุปเป็นองค์ความรู้ของตนเอง  หรือคัดลอกข้อความจากหนังสือ  โดยถ้าเป็นการสรุปองค์ความรู้เป็นของตนเอง  ต้องอ้างอิงเอกสารที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าในเอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรมท้ายเล่มรายงาน  แต่ถ้าเป็นการคัดลอกข้อความนั้นมา โดยไม่เปลี่ยนแปลงเนื้อหา  ให้อ้างอิงในการเขียนด้วย  ซึ่งการอ้างอิงที่เป็นที่นิยมคือ การอ้างอิงแบบนาม – ปี  และควรระบุเลขหน้าไว้ด้วย  จากนั้นต้องอ้างอิงในเอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรมท้ายเล่มรายงานด้วยเช่นกัน
บทที่ 4 วิธีการดำเนินการ
อธิบายขั้นตอนการดำเนินการหรือขั้นตอนการทดลองโดยละเอียด
บทที่ 5 ผลที่ได้รับจากโครงงาน
ผลที่ได้จากการศึกษา   เขียนตามวัตถุประสงค์  ควรจะเสนอในรูปแบบตาราง  กราฟ  แผนภูมิ  หรืออื่นๆให้ดูง่าย
บทที่ 6 บทสรุปและข้อเสนอแนะ
สรุปผลการศึกษา  ให้เขียนผลการศึกษาอย่างสั้นๆ ให้ได้ใจความตรงตามจุดประสงค์ของการศึกษา  ถ้ามีการตั้งสมมุติฐาน  ควรระบุด้วยว่าข้อมูลที่ได้มา สนับสนุนหรือคัดค้านสมมุติฐานที่ตั้งไว้หรือยังสรุปไม่ได้ข้อเสนอแนะ  ควรเขียนในลักษณะเสนอแนะวิธีการปรับปรุงการทดลองให้ดีขึ้น
บทที่ 7 ประโยชน์และแนวคิดในการพัฒนาโครงงาน
ให้บอกประโยชน์ที่ได้จากการทดลอง หรือจากการศึกษาเรื่องนั้นๆว่ามีประโยชน์อะไร  ด้านไหน  ให้เขียนเป็นข้อๆไป
บทที่ 8 บรรณานุกรมและภาคผนวก
บรรณานุกรมหรือหนังสืออ้างอิงหรือเอกสาร และเว็บไซต์ต่างๆ ที่นักเรียนใช้ค้นคว้า  ศึกษาหาข้อมูล  ที่นำมาใช้ประโยชน์ในการทำโครงงานนี้  รูปแบบการเขียนเอกสารอ้างอิงที่ใช้ในการทำโครงงานมีการเขียนได้หลายรูปแบบ ( ศึกษาได้จากรูปแบบการเขียนอ้างอิงและบรรณานุกรมท้ายตอนนี้) ภาคผนวก   คือ ส่วนประกอบที่เขียนเพิ่มเติมในตอนท้าย เพื่อช่วยให้เห็นความสมบูรณ์  ในข้อมูลเนื้อหา กระบวนการดำเนินงานและผลของการวิจัย อาจประกอบด้วย     แบบสอบถาม     แบบสัมภาษณ์ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติที่เกี่ยวข้องอื่น นอกเหนือจากส่วนที่จัดไว้ในเนื้อหา สำเนาเอกสารหายาก โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ นอกจากนี้อาจมีรายละเอียดอื่น ๆ เช่น คำอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอน หรือวิธีทำภาพประกอบ การสร้างเครื่องมือหรืออุปกรณ์การทดลอง   ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นหรือสร้างขึ้นในโครงงานนั้น ๆ สำหรับกรณีมีภาคผนวกหลายภาค ให้จัดเป็นภาคผนวก ก ภาคผนวก ข และภาคผนวก ค ตามลำดับ และให้ขึ้นหน้าใหม่เมื่อขึ้นภาคผนวกใหม่ และพิมพ์หน้าบอกตอนสำหรับภาคผนวกนั้น ๆ ด้วย
บทที่ 9 คู่มือการใช้งาน
ได้แก่ รายละเอียดในการทำภาระงาน ชิ้นงาน หรือกิจกรรมอิสระที่ได้จากการทำโครงงานไปใช้ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ทรัพยากรหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงงาน และข้อเสนอแนะในการใช้โครงงานนั้น

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ตัวอย่างข้อสอบ O-Net

เว็บไซต์:
1.ข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ ม.6 ปีการศึกษา 2551
2.ข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษ ม.6 ปีการศึกษา 2551
ไฟล์เฉลยปีการศึกษา2551:http://forum.02dual.com/examfile/178topic/ONET52.doc

ตัวอย่างวิชาคณิตศาสตร์:
1. พิจารณาขอความตอไปนี้
 (ก) มีจํานวนตรรกยะที่นอยที่สุดที่มากกวา 0
 (ข) มีจํานวนอตรรกยะที่นอยที่สุดที่มากกวา 0
ขอสรุปใดตอไปนี้ถูกตอง
1. (ก) ถูก (ข) ถูก
2. (ก) ถูก (ข) ผิด
3. (ก) ผิด (ข) ถูก
4. (ก) ผิด (ข) ผิด
ตอบ 4. (ก) ผิด (ข) ผิด

2. ให A เปนเซตจํากัด และ B เปนเซตอนันต
ขอความใดตอไปนี้เปนเท็จ
1. มีเซตจํากัดที่เปนสับเซตของ A
2. มีเซตจํากัดที่เปนสับเซตของ B
3. มีเซตอนันตท ี่เปนสับเซตของ A
4. มีเซตอนันตที่เปนสบเซตของ ั B
ตอบ 3. มีเซตอนันตท ี่เปนสับเซตของ A

3. พิจารณาผลตางระหวางพจนของลําดับ 2,5,10,17,26,.... โดยการใหเหตุผล
แบบอุปนัย พจนที่ 10 ของลําดับคือขอใดตอไปนี้
1. 145
2. 121
3. 101
4. 84
ตอบ 3. 101

4. กําหนดให A ={1,2} และ B ={a ,b) คูอันดับในขอใดตอไปนี้
 เปนสมาชิกของผลคูณคารท ีเชียน A× B
1. (2,b)
2. (b,a)
3. (a ,1)
4. (1,2)
ตอบ 1. (2,b)

5. ในการสํารวจความชอบในการดื่มชาเขียวและกาแฟของกลุมตวอย ั าง 32 คน
พบวา ผูชอบดื่มชาเขียวมี 18 คน ผูชอบดื่มกาแฟมี 16 คน ผูไมชอบดื่มชาเขียว
และไมชอบดื่มกาแฟมี 8 คน จํานวนคนที่ชอบดมชาเข ื่ ียวอยางเด  ียวเทากบขั อใด
ตอไปนี้
1. 6 คน
2. 8 คน
3. 10 คน
4. 12 คน
ตอบ 2. 8 คน